25 กันยายน 2550

วิวัฒนาการของมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา

........การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการศึกษา เริ่มต้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ราวปี ค.ศ.1960 เป็นการนำมัลติมีเดียมาช่วยในการสอนของครู ซึ่งเรียกว่า “สื่อคอมพิวเตอรช่วยสอน” หรือ “Computer AssistedInstruction (CAI)” ในบางประเทศใช้คำว่า “Computer Assisted Learning (CAL)” หรือ “Computer ManagedLearning (CML)” ซึ่งทั้งหมดนี้มีความหมายคล้ายคลึงกันคือ การใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนนั่นเอง แต่เดิมมานั้นเรายังไม่ได้มีการใช้ web technology ความหมายของ CAI จึงค่อนข้างยึดติดกับการนำเสนอบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานโดยลำพังโดยไม่มีการเชื่อมระหว่างกัน (stand alone) และค่อนข้างจำกัดอยู่ในลักษณะ offline โดยหลักแล้ว CAI ประกอบด้วย 4Is คือ
1. Information (ข้อมูล)
2. Interactive (ปฏิสัมพันธ์)
3. Immediate feedback (ปฏิกิริยาตอบสนองแบบทันที)
4. Individualization (ความเป็นปัจเจกบุคคลในการใช้)
........โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI ในระยะแรก จะใช้อยู่แต่ในมหาวิทยาลัย โดยจัดเป็นเนื้อหาตามหลักสูตรและหมวดหมู่วิชา เป็นโปรแกรมเบ็ดเสร็จที่รวมเอาเนื้อหาบทเรียน และแบบวัดผลไว้ด้วยกัน จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ชุดการสอน” (courseware) นอกจากนั้น คอมพิวเตอร์ยังได้ถูกนำมาใช้เพื่อฝึกอบรมบุคลากรในการเรียนรู้วิธีการทำงาน การใช้เครื่องมือ เครื่องจักร หรืออื่นๆ ด้วย จึงมีการใช้คำว่า“Computer Based Training (CBT)” หรือ “Computer Based Learning (CBL)” ซึ่งหมายถึง คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการฝึกอบรม โดยผู้เรียนอาศัยเรียนจากโปรแกรมมัลติมีเดียที่ออกแบบไว้บนจอคอมพิวเตอร์ไว้นั่นเอง
........ การนำเอาสื่อประเภทต่างๆ เช่น ภาพกราฟิก เสียง ภาพเคลื่อนไหว วีดิทัศน์ และดนตรี มาใช้ร่วมกัน และควบคุมการแสดงผลด้วยซอฟต์แวร์โปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น ได้เริ่มขึ้นในกลางทศวรรษ 1990นั่นเอง โดยเป็นการใช้มัลติมีเดียเพื่อให้ผู้เรียนได้รับความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ไปในขณะเดียวกันทำให้เกิดศัพท์ใหม่ขึ้นมาคือ คำว่า “edutainment” (education + entertainment) และ “infortainment” (information +
entertainment) รูปแบบของเกมเพื่อความบันเทิงผ่านมัลติมีเดีย เช่น นินเทนโด (Nintendo) หรือ เซกา (Zega)เป็นที่นิยมของเด็กๆ ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการผลิตโปรแกรมมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ในรูปแบบของซีดีรอมกันอย่างแพร่หลาย เมื่อนับถึงปี ค.ศ.1998 มีผู้ผลิตซีดีรอมมัลติมีเดียออกจำหน่ายมากกว่า 20,000 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นซอฟแวร์โปรแกรมทางด้านการศึกษา และประเภทที่ใช้อ้างอิงค้นคว้ามากกว่าครึ่ง
........อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคม สื่อมัลติมีเดียจึงได้แสดงบทบาทมากขึ้นในเครือข่ายสากลแบบออนไลน์ เนื่องจากมีการนำมัลติมีเดียมาใช้เพื่อการศึกษาในแนวคิดใหม่ เปลี่ยนการเรียนรู้จากเนื้อหาที่ถูกบรรจุตายตัวไว้ในซีดีรอมมาเป็นการอสวงหาข้อมูลใหม่ๆ จากแหล่งข้อมูลอันไร้พรมแดนของอินเทอร์เน็ต ทำให้การเรียนการสอนด้วยมัลติมีเดียในรูปแบบใหม่มีประสิทธิภาพและน่าเพลิดเพลินขึ้นกว่าเดิม การเรียนทางไกลผ่านทางเว็บ ไม่ว่าจะเป็นรูปของอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือเอ็กซ์ทราเน็ต ก็ตาม จะเรียกกันว่า Web-Based Instruction (WBI) หรือ Web-Based Learning (WBL) หรือ Online Learning ซึ่งก็คือ การนำเอามัลติมีเดียไปแสดงไว้บนเว็บ นั่นเอง
........ปัจจุบันนี้ บทบาทของมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาได้เพิ่มความสำคัญมากขึ้น เมื่อมีการเรียนรู้ผ่านระบบ e-Learning ซึ่งหมายถึง การศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือเอ็กซ์ทราเน็ต การเรียนในระบบ e-Learning นี้ ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตนและสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย (e-mail, web-board,chat) จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ (Learning for all : anyone, anywhere andanytime)

ไม่มีความคิดเห็น: